ชวเลขไทยเบื้องต้นเพื่องานอาชีพเลขานุการ
ประวัติความเป็นมา
ชวเลข (Shorthand) ไม่ใช่วิชาใหม่ แต่ได้เกิดขึ้นและนำมาใช้เป็นประโยชน์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 480 หรือก่อนคริสต์ศักราช 63 ปี
ผู้ให้กำเนิดวิชาชวเลขเป็นคนแรกในโลก คือ มาคุส ตุลลิอุส ไทโร (Marcus Tullius Tiro) ได้สร้างการเขียนสัญลักษณ์ขึ้นมาวิธีหนึ่ง เรียกว่า “การเขียนแบบไทโร” ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิด “ชวเลข” ไทโรสามารถประดิษฐ์เครื่องหมายแทนคำพูดได้ซึ่งเครื่องหมายเหล่านี้จะเหมือนหรือแตกต่างกันไม่ได้
นอกจากไทโรจะบันทึกคำพูดของ ซิเซโร นักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่แล้ว เขายังสามารถบันทึกถ้อยคำของ ซีซาร์ กาโต และซีเมกา ทำให้มีผู้มาสมัครเป็นศิษย์มากมาย ซึ่งเป็นรากฐานให้เกิดชวเลขขึ้นหลายแบบเนื่องจากการเขียนแบบไทโรจดจำยาก จึงได้มีการคิดค้นชวเลขแบบใหม่ขึ้นในภายหลัง
ดร. ซีมอซีไบร์ท และ ยอห์น วิลลิส ได้คิดวิธีใช้เครื่องหมายแทนพยัญชนะได้สำเร็จต่อมามีผู้คิดวิธีเขียนตามเสียงขึ้นได้ และได้มีการแก้ไขปรับปรุงใช้มาจนถึงทุกวันนี้ ผู้คิดวิธีตามเสียง คือ วิลเลียมส์ ทิฟฟิน (Williams Tiffin) เมื่อปี ค.ศ. 1750
วิธีเขียนตามเสียง ได้วิวัฒนาการมาตามลำดับ และที่นิยมทีสุดมี 2 แบบ คือ
-
แบบปิทแมน ผู้คิดคือ เซอร์ ไอแซค ปิทแมน (Sir Isaac Pitman)
-
แบบเกร๊กก์ ผู้คิดคือ จอห์น โรเบิร์ต เกร๊กก์ (John Robert Gregg)
ในประเทศไทย ชวเลขแบบปิทแมนได้เข้ามาก่อนแบบอื่น ม.จ. สิทธิพร กฤดากร ได้ทรงดัดแปลงชวเลขแบบปิทแมนมาจากภาษาอังกฤษได้สำเร็จ ได้เมื่อปี พ.ศ. 2451 และได้ทรงเริ่มการสอนนักเรียนในปลายปีนั้น ถึงต้นปี 2452 ร่วมเวลา 8 เดือน มีนักเรียนสามารถเขียนชวเลขได้นาทีละ 130 คำ และได้บรรจุเป็นนักชวเลขโดยการสอบแข่งขันได้ถึง 11 คน เป็นนักชวเลขประจำกระทรวงยุติธรรม ม.จ. สิทธิพร ทรงได้รับพระราชทานรางวัลความสามารถเป็นเงิน 1 หมื่นบาท
ในสมัยรัชกาลที่ 6 ด้วยคุณลักษณะอันดีของชวเลขแบบปิทแมนซึ่งสามารถเขียนและถอดเป็นอักษรธรรมดาได้รวดเร็ว แม่นยำ พระบาทสมเด็จมหาธีรราชเจ้า (รัชกาลที่ 6) ได้ทรงใช้วิชาชวเลขแบบนี้มาตลอดสมัยของพระองค์ ปรากฏหลักฐานที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้คือ หนังสือเทศนาเสือป่า และสั่งสอนเสือป่า ได้สำเร็จขึ้นด้วยความสามารถในการเขียนชวเลขของหลวงชวลักษณ์ลิขิต (ดำเนิน จิตรหมึก) ศิษย์เอกของ ม.จ. สิทธิพร กฤดากร นั่นเอง
ชวเลขไทยแบบเกร๊กก์ เข้ามาสู่ประเทศไทย โดยหลวงมิตรธรรมพิทักษ์ (วงศ์ เศวตเลข) เป็นผู้แปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ นำมาเผยแพร่สอนตามโรงเรียนชวเลขและพิมพ์ดีดในพระนครและที่สมาคมชวเลขเกร๊กก์แห่งประเทศไทย
นอกจากชวเลขทั้งสองแบบมีผู้ประดิษฐ์ชวเลขไทยขึ้นอีกแบบหนึ่งเรียกชื่อตามนามของผู้ประดิษฐ์โดยย่อว่า “ด.ท.ร. รัสสเลข” ชื่อเต็มของผู้ประดิษฐ์ คือ นายดาบทองสุข รักษ์นุษย์
คำแนะนำการเรียนชวเลขไทย
ชวเลข (Shorthand) แปลว่า เขียนเร็ว เป็นการใช้เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ มาเขียนแทนตัวหนังสือธรรมดา ซึ่งเขียนได้รวดเร็วกว่าเขียนด้วยตัวอักษรธรรมดา ชวเลขไม่ใช่เป็นวิชาใหม่แต่มีมานานแล้ว เป็นวิชาที่น่าสนใจมาก เพราะทำให้ผู้เรียนสามารถเขียนได้ทันคนพูดและยังสามารถนำไปเขียน Lecture ในชั้นเรียนได้ชวเลขมีความจำเป็นมากสำหรับงานด้านเลขานุการ สามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน เช่น รับคำสั่งผู้บังคับบัญชา รับโทรศัพท์ ร่างจดหมายโต้ตอบ จดบันทึกส่วนตัว และจดบันทึกการประชุมของหน่วยงานต่าง ๆ
แบบของชวเลข
ชวเลขมี 2 แบบ คือ แบบเกร๊กก์ ของอเมริกา และแบบปิทแมน ของอังกฤษ การเขียนชวเลขทั้ง 2 แบบ มีหลักการเขียนอย่างเดียวกัน คือ เขียนตามเสียงออกเสียงอย่างไรก็เขียนตามเสียงนั้น ๆ โดยไม่ต้องคำนึงถึงตัวสะกดการันต์
-
ชวเลขแบบเกร๊กก์ เป็นแบบที่นิยมกันมากในปัจจุบัน เพราะเขียนได้ทั้งปากกาและดินสอ ได้สะดวกรวดเร็ว
-
ชวเลขแบบปิทแมน ใช้เขียนด้วยดินสอ เพราะมีเส้นหนักเส้นเบา และต้องอาศัยเส้นบรรทัดในการกำหนดตำแหน่งของสระแต่ละตัว ทำให้ถอดข้อความได้ถูกต้องแม่นยำ
อ้างอิงจาก หนังสือเรียน ชวเลขไทยเบื้องต้น(แบบเกร๊กก์)